พิธีเปิดงานประสาทปริญญา ประจำปี ๒๕๖๓ ณ อาคารหอประชุม มวก. ๔๘ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

พิธีเปิดงานประสาทปริญญา ประจำปี ๒๕๖๓ ณ อาคารหอประชุม มวก. ๔๘ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
พระเดชพระคุณ พระธรรมปัญญาบดี นายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นประธานเปิดการสัมมนาทางวิชาการในโอกาสงานรับปริญญาประจำปี ๒๕๖๓ โดยกล่าวย้ำว่า ถ้าไม่ได้เข้ามาศึกษา คงไม่มีโอกาส การศึกษาจึงให้โอกาส จึงแสดงยินดีกับนิสิตทุกระดับชั้น
พระเดชพระคุณ พระราชปริยัติกวี ศาสตราจารย์ ดร. อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปาฐกถาในโอกาสงานรับปริญญาประจำปี ๒๕๖๓ ภายใต้หัวข้อ #บทบาทของมหาจุฬากับการพัฒนาจิตใจและสังคม กล่าวสาระสำคัญว่า ในนามมหาวิทยาลัยขอแสดงมุทิตาจิตกับความสำเร็จของทุกท่าน มหาจุฬามีการบริการวิขาการโดยมีการสืบสาน รักษา ต่อยอด มา ๑๓๓ ปี มีการบริการวิชาการและสังคมทั่วประเทศและต่างประเทศ โดยมหาจุฬามีบทบาท
๑) #บทบาทการจัดศึกษาพัฒนาพระสงฆ์ไทยในต่างประเทศและต่างประเทศ โดยนิสิตของ มจร ประมาณ ๒๐,๐๐๐ รูป/คน ซึ่งมหาจุฬาจัดการศึกษาให้กับพระสงฆ์ เพื่อการบริหารงานคณะสงฆ์มีความง่ายขึ้น สามารถทันสถานการณ์ ฝ่ายบ้านเมืองจึงร่วมมือกับทางคณะสงฆ์ โดยให้มหาจุฬาช่วยดำเนินการทำให้เกิดพลังขับเคลื่อนสู่สังคมให้เกิดสันติสุข มหาจุฬาจึงจัดการศึกษาให้กับพระสงฆ์ได้เป็นอย่างดีในระดับอุดมศึกษา มหาจุฬาจึงมีบทบาทให้การศึกษา คณะสงฆ์เข้ามาศึกษาเพื่อนำไปบริหารยุคใหม่เพื่อบริหารกิจการคณะสงฆ์ โดยเฉพาะการบริหารทรัพย์สินทางพระพุทธศาสนาให้เกิดคุณค่าและมูลค่า ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้วัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาวัฒนธรรม ชาวบ้านประกอบอาชีพสุจริต
๒) #บทบาทการพัฒนาศักยภาพมนุษย์พัฒนาขีดความสามารถ จนนำไปสู่ ๑)สชาติกปัญญา ปัญญาติดตัวมาตั้งแต่เกิด ๒)วิปัสสนาปัญญา ปัญญารู้แจ้งด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เข้าใจโลกเข้าใจธรรม ๓)ปาริหาริกปัญญา ปัญญาที่เกิดจากประสบการณ์การทำงาน ความรู้ทางวิชาการ สามารถบริหารตนเองได้ มหาจุฬาพัฒนาด้านวิปัสสนาปัญญาตามแนวสติปัฏฐาน๔ เดินตามกรอบไตรสิกขา จึงต้องพัฒนาปัญญาของตนเอง โดยมหาจุฬาพัฒนาปัญญาด้วยวิปัสสนากรรมฐาน จึงต้องพัฒนาสชาติกปัญญาให้เจริญงอกงามซึ่งอยู่ภายใน จะจบปริญญาขั้นใดแต่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้จะไร้ค่า จะต้องสามารถควบคุมตนเองได้ จึงต้องพัฒนาวิปัสสนาปัญญา เพื่อนำไปสู่นวัตกรรมต่างๆ ผู้สร้างสิ่งต่างๆได้จะต้องมีอภิญญา ในการทดลองนักวิทยาศาสตร์ จะเกิดจากสมาธิจิตขั้นสูง ถือว่าเป็นอภิญญา เกิดจากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจะตามรูปแบบใดก็ตาม ถือว่าเป็นความหยั่งเห็น มหาจุฬาจึงให้ ๓ ระดับ คือ ข้อมูล ความรู้ ปัญญา และพัฒนาต่อยอดต่อไป มหาจุฬาจึงนำนิสิตไปพัฒนาด้านวิปัสสนากรรมฐานเพื่อนำไป
๓) #บทบาทการวางรากฐานคุณธรรมให้เยาวชนสร้างคุณภาพชีวิตคนในสังคม ประกอบด้วย นิสิตปฏิบัติศาสนกิจ พระสอนศีลธรรม พระบัณฑิตอาสา สามเณรภาคฤดูร้อน ค่ายพุทธบุตร วิปัสสนากรรมฐาน ขับเคลื่อนโรงเรียนวิถีพุทธ ถือว่าเป็นจุดแข็งของมหาจุฬาในการออกไปบริการสังคม ถือว่าเป็นวัฒนธรรมของมหาจุฬาที่ปฏิบัติมาอย่างยาวนาน มีการทำงานกับเครือข่ายภายนอกจำนวนมาก เช่น สสส. ในการขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมในเชิงป้องกันและเชิงแก้ไข โดยได้รับทุนสนับสนุนจากเครือข่ายทางสังคม ครูพระสอนศีลธรรมพัฒนาเยาวชนทั่วประเทศมีการขยายไปถึงระดับอาชีวศึกษาทั่วประเทศ
๔) #บทบาทการธำรงพระพุทธศาสนาให้ดำรงมั่นคงคู่กับสังคมไทย การบริหารกิจการคณะสงฆ์จึงมีความสำคัญ แนวโน้มศาสนาในอนาคต คือ ศาสนาใหม่ มี ๒ รูปแบบ คือ ๑)พัฒนาต่อยอดที่เรามีศาสนาในปัจจุบัน คือ รูปแบบมหาจุฬาใช้ โดยใช้ภูมิปัญญามาใช้ประโยชน์ ใช้เทคโนโลยีมาช่วยงาน ๒) เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี จะมีการรวบรวมพฤติกรรมจริต สามารถตรวจสอบได้ผ่านสมาร์ทโฟน เราจะเห็นเจ้าลัทธิศาสนาผ่านAI มหาจุฬาจะมีส่วนอย่างไร ? ในการพัฒนาผ่านภูมิปัญญา เป็นทรัพย์สินทางพระพุทธศาสนา ประกอบด้วย ศาสนบุคคล ศาสนธรรม ศาสนวัตถุสถาน ศาสนพิธี อย่าลืมว่ามหาวิทยาลัยนาลันทาล้มสลายเพราะจัดการศึกษาด้านปริยัติอย่างเดียว เพราะเชื่อว่าเรียนปริยัติอย่างเดียวสามารถละกิเลสได้ จึงศึกษาเพียงปริยัติ แต่มหาจุฬามุ่งศึกษา ๓ ด้าน คือ ปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ MCU จึงมุ่งเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว : Green University วิทยาลัยเขตวิทยาลัยสงฆ์ห้องเรียนจะต้องพัฒนามหาวิทยาลัยสีเขียว
๕) #บทบาทด้านพระพุทธศาสนาในระดับโลก ท่านอธิการบดีมหาจุฬาย้ำว่า มหาจุฬาเป็นพระพุทธศาสนาอันดับหนึ่งของโลก เพราะเราสร้างมจร ไม่ใช่เพื่อมหาจุฬา แต่เราสร้างมหาจุฬาเพื่อชาวโลก เราจึงเป็นที่พึ่งของสังคมไทยและสังคมโลก จึงขอให้กำลังใจทุกท่านพร้อมแสดงแสดงความยินดีกับบัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฏีบัณฑิต ทุกรูปท่าน
สาราณียธรรม
พระปราโมทย์ วาทโกวิโท ดร.
อาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา มจร
ณ หอประชุมใหญ่ มวก. มหาจุฬา
๙ ธันวาคม ๒๕๖๓
พิธีเปิดงานประสาทปริญญา ประจำปี ๒๕๖๓ และการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “บทบาท มจร กับการพัฒนาจิตใจและสังคม” โดย พระราชปริยัติกวี, ศ.ดร. อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ณ อาคารหอประชุม มวก. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ๙ ธันวาคม
และมีการชี้แจงการซ้อมใหญ่